เลิกบุหรี่ด้วย "บุหรี่ไฟฟ้า" ได้ผลจริงหรือ? หาคำตอบกับงานวิจัยที่น่าเชื่อถือ

อย่างที่เรารู้กันดีว่าทั่วโลกมีผู้คนที่ต้องการสูบบุหรี่เป็นประจำทุกวันอยู่จำนวนมหาศาล ซึ่งผู้สูบทุกคนต่างก็รับรู้ถึงอันตรายทั้งกับตัวเอง และคนรอบข้าง แต่แนวโน้มของผู้สูบบุหรี่ก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่คนที่อยากจะเลิกสูบบุหรี่ก็เลิกไม่ได้สักที เพราะไม่รู้จะเลิกยังไง หักดิบไปได้ไม่กี่วันก็กลับมาสูบใหม่ จนสุดท้ายก็ล้มเลิกความคิด และสูบต่อไป แต่เราอยากจะบอกใครที่อยากจะเลิกบุหรี่ว่า อย่าเพิ่งท้อใจไป เพราะอ่านบทความนี้จบ นำไปทำตาม เลิกบุหรี่ได้แน่นอน

เลิกบุหรี่ด้วยตัวเอง ทำได้ง่ายๆ จริงหรือ?

ในความเป็นจริงแล้วมีผู้สูบบุหรี่หลายคนที่สามารถเลิกสูบบุหรี่แบบหักดิบได้ทันที โดยไม่มีอาการข้างเคียงใดๆ แต่สำหรับบางคนก็ไม่ยาก “ก็เลิกมาตั้งหลายครั้งแล้วนะ” เมื่ออ่านประโยคนี้แล้วหลายคนคงจะหัวเราะออกมา เพราะนี่มันตรงกับตัวเองมากๆ ก็เป็นได้

นั่นหมายความว่าสำหรับบางคน เรียกว่าคนส่วนใหญ่เลยก็ว่าได้ เห็นว่า การเลิกบุหรี่เป็นเรื่องยาก บางคนเลิกได้หลายเดือน หลายสัปดาห์ หลายวัน แต่สำหรับบางคนแค่วันเดียวก็เกินทน ต้องกลับมาสูบบุหรี่อยู่ดี อาจด้วยสภาพแวดล้อมของผู้สูบส่วนใหญ่ที่มักจะมีเพื่อนๆ ที่สูบบุหรี่เหมือนกัน เมื่อเห็นเพื่อนสูบ ก็ทำให้อยากสูบขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ไม่สามารถเลิกบุหรี่ได้จริงเสียที

ถึงแม้ว่าการเลิกบุหรี่จะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไป หากรู้วิธีที่ถูกต้อง

อะไรกันนะ ที่ทำให้คนเราติดการสูบบุหรี่?

ติดง่าย แต่เลิกยาก นี่คงเป็นคำนิยามของบุหรี่ที่นักสูบทั้งหลายต้องเคยได้ยินกันบ่อยๆ อย่างแน่นอน เพราะแค่ลองไม่กี่ครั้ง ก็จะรู้สึกอย่างสูบอีกเรื่อยๆ จนติดบุหรี่ในที่สุด แล้วมันเพราะอะไรกันละ บุหรี่มันถึงได้ติดกันง่ายขนาดนั้น คำตอบก็คือ สารนิโคตินที่อยู่ในบุหรี่นั่นเอง เพราะสารนิโคตินจะทำให้สมองหลั่งสารโดพามีน โดยสารโดพามีนจะทำให้ผู้สูบรู้สึกผ่อนคลาย และรู้สึกดี ก็มันรู้สึกดี แล้วจะเลิกมันไปทำไม?

สูบแล้วมีความสุขทำไมถึงต้องเลิกด้วยละ?

ในเมื่อสูบบุหรี่แล้วทำให้ผ่อนคลาย รู้สึกดี และคลายเครียดได้ แล้วทำไมเราต้องเลิกสูบบุหรี่ด้วยละ? นั่นก็เป็นเพราะว่าในบุหรี่ไม่ได้มีแค่สารนิโคติน แต่ยังมีสารอีกกว่า 4000 ชนิด ซึ่งเป็นสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อเรื่องกาย และมากกว่า 60 ชนิด ที่เป็นสารก่อมะเร็ง เช่น สารทาร์ คาร์บอนมอนอกไซด์ ไฮโดรเจนออกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์ แอมโมเนีย ไซยาไนด์ และฟอร์มาลดีไฮด์ ฯลฯ สารเหล่านี้เป็นแค่สารอันตรายส่วนหนึ่งในบุหรี่เท่านั้น ยังมีสารอันตรายอีกมากที่เรายังไม่ได้พูดถึง

แล้วถ้าสูบบุหรี่ และรับสารเคมีอันตรายเหล่านี้ไปนานๆ จะเกิดโรคอะไรบ้าง?

50,000 คนต่อปี คือ ตัวเลขของผู้เสียชีวิตจากบุหรี่ในประเทศไทยที่ยังไม่รวมกับผู้ที่เสีชีวิตจากการสูดดมควันบุหรี่เป็นประจำ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก เนื่องจากการสูบบุหรี่ทำให้เกิดโรคร้านแรงมากมาย เช่น โรคมะเร็งปอด โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคถุงลมโป่งพอง โรคความดันโลหิตสูง โรคสมองเสื่อม เป็นต้น และหากพิจารณาถึงโรคที่เกิดจากบุหรี่ที่คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับต้นๆ ได้แก่

อันดับ 1 โรคถุงลมปอดโป่งพอง 10,427 คนต่อปี
อันดับ 2 โรคมะเร็งปอด 9,979 คนต่อปี
อันดับ 3 โรคหัวใจ และหลอดเลือด 7,907 คนต่อปี
อันดับ 4 โรคมะเร็งที่อื่นๆ 6,340 คนต่อปี

(อ้างอิงจาก http://smokefreeschool.net)

บุหรี่ไฟฟ้าช่วยให้เลิกบุหรี่ได้จริงหรือ?

จากรายงานของนักวิจัยจาก School of Public Health หลายฉบับ ชี้ไปในทิศทางเดียวกัน การใช้บุหรี่ไฟฟ้าสามารถลดอัตราการสูบบุหรี่ได้มากกว่าผลิตภัณฑ์ทดแทนนิโคตินอื่นๆ

แผ่นแปะ ลูกอมนิโคติน หมากฝรั่ง ไม่ได้ให้ผลดีเท่า บุหรี่ไฟฟ้า ในการเลิกบุหรี่จริง

อีกทั้งจากงานวิจัยเรื่อง “การเลิกบุหรี่ด้วยบุหรี่ไฟฟ้า” ของ Cochrane พบว่า ผลิตภัณฑ์ทดแทนนิโคตินอื่น เช่น แผ่นแปะ ลูกอม หรือหมากฝรั่ง ไม่สามารถช่วยให้เลิกบุหรี่ได้ดีเท่ากับ บุหรี่ไฟฟ้า โดยจากการศึกษายังพบอีกว่า ผลิตภัณฑ์ทดแทนนิโคตินอื่นๆ สามารถช่วยให้ผู้คนเลิกสูบบุหรี่ได้เพียง 6% เท่านั้น แต่บุหรี่ไฟฟ้าสามารถช่วยให้ผู้คนเลิกสูบบุหรี่ได้ถึง 67%

ตัวเลขดังกล่าวส่งผลให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการเลิกบุหรี่ของบุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างชัดเจนมาก

ยอดขายบุหรี่ไฟฟ้าโตขึ้นต่อเนื่องในอเมริกา

ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่คนจะสูบบุหรี่น้อยลง ในเมื่อมีบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งเป็นสิ่งทดแทนที่ดีกว่า อันตรายน้อยกว่า แล้วจะเลือกใช้ของไม่ดีไปทำไม โดยจากการสำรวจประชากรอเมริกันกว่า 27,000 คน พบว่า ในปี 2022 มีผู้สูบบุหรี่ลดลงถึง 12% ซึ่งคิดเป็นราวๆ 30 ล้านคนเลยทีเดียว

ในทางกลับกันอัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้ากับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจากการสำรวจทั่วโลก พบว่า ในปี 2566 มีประชากรโลกมากกว่า 55 ล้านคน ที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำ อีกทั้งมูลค่าตลาดบุหรี่ไฟฟ้าในปีนี้ยังสูงถึง 40 พันล้านดอลลาร์อีกด้วย โดยตลาดบุหรี่ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุด ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น

สรุป

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีผู้คิดค้นผลิตภัณฑ์ทดแทนบุหรี่ เพื่อให้คนเลิกสูบบุหรี่ขึ้นมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น หมากฝรั่ง ลูกอม แผ่นนิโคติน แต่ไม่มีผลิตภัณฑ์ใดเลยที่สามารถช่วยให้คนสามารถเลิกสูบบุหรี่ได้จริง จนกระทั่งบุหรี่ไฟฟ้าได้ถือกำเนิดขึ้นมา นับว่าเป็นนวัตกรรมที่ช่วยให้คนเลิกบุหรี่ได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก สะท้อนจากสถิติการลดลงของผู้สูบบุหรี่ และจำนวนที่เพิ่มขึ้นของผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น ทำให้บุหรี่ไฟฟ้ากลายมาเป็นไอเทมสำคัญที่จะแก้ปัญหาการติดบุหรี่ของประชากรโลกได้จริง

อ่านต่อ: