บุหรี่ไฟฟ้า

สำหรับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยที่หลายคนเห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้ แน่นอนว่ามีหลายรุ่นหลายสไตล์ ซึ่ง หากเรารู้แล้วว่า เราจะซื้อยี่ห้อไหนดี ก็คงไม่มีปัญหา แต่สำหรับคนที่สงสัยว่า บุหรี่ไฟฟ้ายี่ห้อ RELX มีประวัติความเป็นมาอย่างไร? เชื่อถือได้หรือไม่? และในยี่ห้อนี้ มีทั้งหมดกี่รุ่นย่อยกันนะ? วันนี้ เราจะมาดูกัน

ประวัติความเป็นมาของบุหรี่ไฟฟ้ายี่ห้อ RELX

RELX Logo Thailand

อ้างอิง SCMP ความเป็นมาของบุหรี่ไฟฟ้ายี่ห้อ RELX (คนไทยเรียก รีแลค) หลายคนคิดว่ามาจากอเมริกา แต่แท้ที่จริงแล้ว เทคโนโลยีตัวนี้มาจากประเทศจีน โดยผู้ก่อตั้ง คือ Wang Ying (Kate Wang) ผู้มีดีกรีระดับผู้บริหาร UBER ประเทศจีน ตั้งแต่ปี 2014-2016 และที่สำคัญ เธอเป็นผู้เริ่มแนะนำบุหรี่ไฟฟ้า RELX Technology ตั้งแต่ปี 2018 ที่ผ่านมา

เนื่องจาก Wang Ying มีพ่อผู้ซึ่งพยายามเลิกบุหรี่จริง และต้องการทางเลือก เธอจึงคิดค้น และผลิตบุหรี่ไฟฟ้ายี่ห้อ รีแลค ขึ้นมา เพื่อให้กับคนรุ่นใหม่ และ ให้คนรุ่นเก่าได้เลิกบุหรี่จริงอย่างถาวร โดยในตอนเริ่มต้นนั้นได้รวบรวมผู้บริหารจากบริษัทใหญ่ๆ จาก Uber China และ Huawei และได้รับทุนจาก JD.com ซึ่งต่อมาเธอได้ทุนก่อตั้ง RELX มากเกินที่ต้องการกว่า 10 เท่า ราวๆ 5.9 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ เกือบๆ 200 ล้านบาท

ซึ่งในช่วงที่เธอเปิดตัวบุหรี่ไฟฟ้า RELX ก็พบว่า มีความต้องการของตลาดที่ค่อนข้างสูงในปี 2018 พอดี แต่อย่างไรก็ตาม ในการบริหารงานปีแรกของเธอทำให้บริษัทขาดทุนราวๆ 15 ล้านบาทไทย ในปีแรก และกลับมามีกำไร 234 ล้านบาท และ 542 ล้านบาท ในปี 2019 และ 2020 ตามลำดับ ซึ่งต่อมาเข้าตลาดหุ้นอเมริกา ด้วยมูลค่าบริษัทถึง 24.8 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือราวๆ 850,000 ล้านบาทไทยเลยทีเดียว

จากทั้งหมดนี้ ทำให้ RELX ทำตลาดได้ทั่วโลก โดยมีการแย่งชิงตำแหน่งบุหรี่ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุด ในประเทศอังกฤษ และ หากเป็นในอเมริกาจะเป็นรองเฉพาะ JUUL เท่านั้น ซึ่งในปัจจุบันรีแลค มีจำหน่ายแล้วมากกว่า 80 ประเทศทั่วโลก

5 รุ่นเดิมของ RELX และ 1 รุ่นใหม่ มีรุ่นไหนบ้างที่น่าสนใจ?

ข้อมูลจาก Relxnow.com – Relx Vape เป็น E-cig ที่มาพร้อมกันถึง 5 รุ่นด้วยกัน ตั้งแต่ปี 2018 ที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ดี ในปี 2023 ทางแบรนด์มีการเปิดตัวแบรนด์น้องใหม่ อย่าง WAKA และ เพิ่มรุ่นใหม่ภายใต้แบรนด์เดิมอย่าง MagicGo ที่กำลังจะเปิดตัวภายในปี 2566 ที่จะถึงนี้

สำหรับ Series เดิมที่ประจำการมานานแล้ว ทั้งหมด 5 ตัวก็คือ RELX Classic, Alpha, Spirit Point, Infinity, และ Phantom ซึ่งในประเทศไทยนั้น ดูเหมือนว่า รุ่น Infinity น่าจะเป็นรุ่นที่ขายดีมากที่สุด แต่อย่างไรก็ดี สำหรับนักสูบหน้าใหม่ อาจสงสัยว่า แต่ละรุ่นนั้น มีข้อดีอย่างไร และทำไมคนถึงนิยมรุ่นนั้นๆกัน

รุ่นแรก เปิดตัว 2018 รุ่นคลาสสิค (Classic Model)

Relx Classic เป็นตัวที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2018 ซึ่งทำให้ยี่ห้อรีแลค เป็นที่นิยมมาจนถึงทุกวันนี้

เป็นตัวแรกที่ทาง Relx เปิดตัวในปี 2018 ที่ผ่านมา เพียง 2 ปี ก่อนเกิดสถานการณ์ Covid-19 ซึ่งเมื่อทันทีที่เปิดตัว กลับกลายเป็นบุหรี่ไฟฟ้าที่คนนิยมสูงที่สุด เพราะกลิ่น และรสชาติ รวมถึงความแน่นหลังสูบ ใกล้เคียงกับบุหรี่จริง โดยมีผู้นิยมใช้ทั่วโลก รุ่นนี้ เป็นรุ่นที่ให้ไฟ 350mAh รุ่นแรก และต้องชาร์จราว 1 ชั่วโมงถึงจะเต็ม มีไฟบอกสัญญาณเมื่อแบตเต็ม และไฟสีขาวจะดับไปเมื่อไฟเต็มแล้ว

รีวิว รุ่นคลาสสิค : รุ่นนี้ ปัจจุบันไม่มีจำหน่ายแล้ว แต่ยังเป็นรุ่นที่หลายคนติดใจ หาซื้อมาสูบกันอยู่ เนื่องจากเปิดตัวด้วยกลิ่นที่มีมากกว่า 12 กลิ่น และเปิดตัวมาในราคาที่ค่อนข้างสูง ผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าในยุคนั้นมักบ่นว่าแพง และ หันกลับไปสูบแบบพอดที่สามารถเติมน้ำยาได้ ส่วนฟิลลิ่ง สำหรับคนที่พึ่งเคยมาสูบ และเป็นคนที่สูบบุหรี่ไม่จัดมาก่อน บอกได้เลยว่าฟิลลิ่งดีมาก แต่สำหรับคนที่สูบบุหรี่จัดอยู่แล้ว อาจไม่ค่อยชอบเท่าใดนัก จึงขอยก รุ่นคลาสสิค ให้เป็นบุหรี่ไฟฟ้าสำหรับผู้เริ่มต้น

RELX Alpha

เป็นรุ่น Gen 2 ของ Relx โดยใช้ตัว Alpha α มาเป็นตัวโลโก้ คู่กับตัวแบรนด์

เป็นรุ่นที่ทาง รีแลค ออกมาหลังจากรุ่นแรก และรุ่นนี้ถือเป็นรุ่นที่ปรับปรุงค่อนข้างมาก วางการตลาดเป็นบุหรี่ไฟฟ้า Premium ซึ่งมีราคาสูงกว่ารุ่น Classic อยู่เล็กน้อย พอดน้ำยาตัวนี้ค่อนข้างเล็ก มีแบตเท่ากันกับ รุ่นแรกและ สามารถสูบได้ราวๆ 250-300 คำต่อหนึ่งพอด

ตัวกลางเครื่องของ Alpha มีไฟรูปกลมๆอยู่ และ มีไฟติดเมื่อทำการสูบ ตัวเครื่องดูแบนลงกว่าเดิม โดยมีการเพิ่มขนาดความกว้างและความยาวมากกว่ารุ่นเดิม และ มีสิ่งต่างๆที่เปลี่ยนไปดังนี้

  • รสชาติ : มีการปรับเปลี่ยนท่ออากาศหายใจใหม่ โดยมีความกว้าง 57mm ทำให้สูบได้แบบลื่นมากขึ้น และ นุ่มนวลกว่าเดิม ซึ่งหลายคนบอกว่ามีรสชาติเหมือนกันกับบุหรี่จริงมากถึง 95% เลยทีเดียว
  • ตัวป้องกันความชื้น : เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ทาง Relx ใส่ลงไป โดยมีการปรับปรุงผิวเครื่องภายในของ ทางเดินอากาศ ทำให้เกิดอาการเยิ้มน้อยลง ซึ่งจะสังเกตได้เมื่อมีการดึงตัวพอดออกมาเช็ด
  • FEELM : เป็น atomizer ตัวใหม่ที่ทำให้เผาไหม้หมดจดกว่าเดิม ทำให้มีการใช้น้ำยาน้อยลง สูบได้บ่อยขึ้น และที่สำคัญไม่เยิ้มออกลำกล้อง
  • เพิ่มความสามารถในการกันน้ำ : เป็นเทคโนโลยีที่คล้ายกันกับที่ใช้ใน iWatch ซึ่งเป็นครั้งแรกของโลก ที่ บุหรี่ไฟฟ้าสามารถกันน้ำได้จริงจัง รวมถึงมีการอัพเกรดซีลยาง ทำให้ยากที่เครื่องจะช๊อตหากเจอน้ำหรือความชื้น
  • ใส่ พอด ด้านไหนก็ได้ : การใส่ Pods บุหรี่ไฟฟ้าอาจเป็นเรื่องไม่ยาก แต่บางครั้งใส่ผิดด้านก็ต้องใส่ใหม่ ซึ่งรุ่นนี้ ปรับให้สามารถใส่พอดได้ทั้งสองด้านเลย แม้ว่าหลับตาก็เปลี่ยนพอดได้สบายๆ

รีวิวรุ่น Alpha : หน้าตารุ่นนี้ที่ออกมา ก็สามารถพกไปไหนก็ได้ และทำให้ดูเนียนมากขึ้น ทำให้ดูหรูหราขึ้น ไม่เตะตาจนเกินไป การสูบรุ่นนี้ ก็ได้ฟิลลิ่งที่ดีกว่าเดิม ซึ่งทำให้ฟิลที่ได้ ดีกว่ารุ่น Classic หลายเท่า แต่อย่างไรก็ดี ราคาเครื่องสูงกว่ารุ่นก่อนหน้าพอสมควร จึงเหมาะกับผู้ที่มีทุนหน่อย และเหมาะกับคนที่เป็นคนสูบค่อนข้างจัด

รุ่น Spirit Point (3rd Generation)

มีอีกชื่อเรียกว่า RELX i (RELX Spirit Point) เป็น Generation ที่ 3 ของแบรนด์

เป็นรุ่นที่ออกมาด้วยราคาที่สูงมหาโหด และไม่ค่อยเป็นที่นิยมในไทย ซึ่งในต่างประเทศระบุไว้ว่า มันราคาสูงเพราะเหตุผลหลายๆประการ เช่นการใช้ฟังชั่นเชื่อมกับ Bluetooth สามารถเช็คได้ว่าสูบไปกี่ครั้งแล้ว และสามารถเชื่อมต่อเข้า application RELX ได้ โดยใช้ชื่อว่า RELX ME เฉพาะ Android เท่านั้น

อีกทั้งยังสามารถล๊อคไม่ให้กดปุ่มได้ เพื่อป้องกันการโดนปุ่มแบบไม่ตั้งใจ วัสดุในการผลิตดีขึ้นกว่าเดิม ดูหรูหรามากขึ้น และ มีการปรับปรุง พื้นผิวภายในตัวเครื่องให้มี Friction มากว่าเดิม ทำให้ความชื้นไม่สามารถเกาะได้ โดยมี ความจุน้ำยา 1.4ml แบตเตอรี่ 330mAh เล็กกว่าเดิม ชาร์จไฟโดยการใช้ Type-C port

รีวิว Spirit Point : ดีกว่าเดิมตรงที่ความหรูหรา และ ความรู้สึกสบายที่มากขึ้นเมื่อทำการสูบ สามารถจับได้กระชับมือมากกว่าเดิม และ การวางริมฝีปากกับตัวพอดสำหรับสูบก็ทำได้ดีกว่าเดิมมากขึ้นเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ดีตาม ราคาแพงที่สุด ซึ่งหากเทียบกับรุ่นอื่นๆ และ รุ่นคู่แข่งแล้ว รุ่นนี้ ถือว่าไม่น่าเล่น หากเทียบความจุไฟ ความจุน้ำยา กับ ราคาแล้วหล่ะก็ ไม่สามารถสู้ได้เลย

RELX Infinity

RELX Infinity ∞ นับเป็นรุ่นที่ 4 ของแบรนด์ และยังคงเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดในปัจจุบัน (2023)

เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุด ณ ปัจจุบัน โดยมีรุ่นย่อยอีกหนึ่งรุ่น (Minor Change) นั่นก็คือ Infinity Plus โดยที่การสูบของ Relx Infinity และ infinity plus นั้นเรียกได้ว่านุ่มลื่นที่สุด ตั้งแต่เคยมีมา โดยที่ทุกอย่างถูกอัพเกรดหมด ตั้งแต่ความจุน้ำยา ขนาดแบตเตอรี่ และการชาร์จไฟ และรุ่นนี้เป็นรุ่นแรกที่สามารถชาร์จแบบไร้สาย (wireless charging) ได้

Relx Infinity Plus ซึ่งสามารถชาร์จไฟให้เต็มได้ภายใน 30 นาที เพื่อให้ได้ 80% และ 45 นาทีเพื่อเต็ม 100% มีแท่งแบตเตอรี่บอกพลังงานที่เหลือ แบตเตอรี่มีความจุถึง 380mAh ซึ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา สามารถใช้งานได้ทั้งวัน ไม่ต้องชาร์จไฟบ่อย และเมื่อสูบ 15 ครั้ง ภายใน 15 นาที จะมีการสั่นแจ้งเตือน (คล้ายกันกับ Marbo Zero) ที่จะบอกผู้สูบว่า ได้รับนิโคตินในปริมาณที่พอแล้ว และไม่ควรสูบมากกว่านี้ โดยที่รุ่นนี้สามารถใช้หัวพอดได้กับหลากหลายยี่ห้อ เช่น Infy, 7-11, Play more, และ Marbo Zero ได้ด้วย

ตัวเครื่อง Infinity มีรูปทรงเป็นแท่งเหมือนเช่นเคย แต่มีความโค้งมนตามขอบ ที่เรียกได้ว่าทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว และด้วยแสงไฟที่บอกปริมาณแบตเตอรี่ ทำให้มันดูเป็นบุหรี่ไฟฟ้าที่น่าจับต้อง และดูล้ำสมัยค่อนข้างมาก

  • เวลาในการชาร์จไฟ 45 นาที
  • แบตเตอรี่ 380mAh
  • ชาร์จไฟโดย Type-C
  • ชาร์จไฟไร้สายได้ (ต้องซื้อแยก)
  • ตัวเครื่องทำด้วย อลูมิเนียม อัลลอย น้ำหนักเบามาก
  • พอดหนึ่งหัวจุน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าได้ 9ml

รุ่น Phantom ( 5th Generation)

รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ 5th ของ RELX และแน่นอนว่า ปัจจุบันยังขายไม่ดีเท่ารุ่น Infinity

เป็นรุ่นที่ 5 น้องสุดท้องที่ถูกออกมาขายในตลาดเกือบปีแล้ว โดยรุ่นนี้คล้ายกันมากกับตัว Infinity โดยตัวเครื่องจะทำให้รู้สึกลื่นๆ สบายมือเมื่อจับ รุ่นนี้ว่ากันว่าเหมาะสำหรับผู้ที่พึ่งเริ่มต้นสูบเช่นเดียวกัน เพราะใช้งานง่าย เข้าใจง่าย และ ดีไซน์สวย มีให้เลือกถึง 7 สีด้วยกัน และมีการออกแบบหัวมาใหม่เป็นพิเศษ ทำให้รั่วซึม เยิ้มน้อยกว่ารุ่นที่ผ่านๆมา ซึ่งสามารถใช้หัวพอดร่วมกันกับ หัว Infinity ได้ รวมถึงระบบสั่น เพื่อแจ้งเตือนการสูบที่เยอะจนเกินไปก็มีให้ใช้เช่นเดียวกัน

หัวพอดมีน้ำยาที่เหมือนกันกับ Infinity เหมือนที่แจ้งไป และมีกลิ่นหลายกลิ่นให้เลือกเช่น กลิ่นแตงโม, มิ้นท์, ส้ม, องุ่น, สตรอเบอรี่ และ กลิ่นมะม่วง และมีสีให้เลือกเช่น สีส้ม น้ำเงิน เขียว ดำ เทา เขียวแบบทูโทน เขียวเหลือง สีขาว และ สีทองชมพู ซึ่งเป็นสี Line up ใหม่ ที่ดูสะดุดตามากเลยทีเดียว

รุ่น MagicGo

เปิดตัวในไทย ภายในปี 2023 นี้ ตัวนี้เป็นรุ่นใหม่ที่คนไทยยังคงต้องรอให้เปิดตัวที่อังกฤษเสียก่อน โดยเป็นรุ่นที่ใช้ชื่อว่า RELX MagicGo GA600 โดยมีความจุน้ำยาที่มากขึ้นกว่าเดิมเป็น 2ml เหมาะสำหรับการสูบยาวๆ เป็นบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้ง นิโคติน 1.8mg สามารถสูบได้ มากถึง 600 ครั้ง (puffs) และมีแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ที่ 400mAh ด้วยพลังไฟฟ้า 8.5 Watts

มีสีเครื่องให้เลือก 10 สี ด้วยกัน คือ สีแดงเข้มแบบร้อนแรง สีชมพู Pastel, สีฟ้า, เขียว และเหลือง โดยมีกลิ่นให้เลือก ตั้งแต่ สตรอเบอรี่ พิงค์ทวิสต์ บลูเบอรี่ กีวี มะม่วง แต่งโม มะนาว รสเย็น แอปเปิ้ล และ กีวีสตรอเบอรี่ อีกด้วย สำหรับราคานั้น คาดว่า อยู่ที่ราวๆ 700 – 1,000 บาท ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นที่สนใจของหลายคน เนื่องจากสามารถสูบได้นานขึ้น และกลิ่นน่าจะชัดขึ้นด้วย เพราะมีแบตเตอรี่ พร้อมกำลังไฟที่สูงกว่าเดิม

สรุปแล้วเลือก Relx รุ่นไหนดี?

จากที่สรุปไปทั้งหมด หากกำลังจะสั่งซื้อ เราขอแนะนำ Relx Infinity และ Infinity plus รวมถึง Phantom เนื่องจากเป็นรุ่นที่ปรับปรุงมากที่สุดแล้ว แต่สำหรับใครที่มีอยู่แล้ว แนะนำให้รอตัว MagicGo ที่คาดว่าจะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่าเดิม และตัว Atomizer ที่คาดว่าน่าจะมีคุณภาพมากขึ้น

เลือกช้อป Relx รุ่นที่เป็นที่นิยมมากที่สุดได้ที่นี่ >> https://thaipods.com/brand/relx-infinity/