ตัวนีีในปัจจุบันจำนวนผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากปลอดภัยกว่าบุหรี่ธรรมดา มีรูปแบบให้เลือกใช้มากมาย รวมถึงรสชาติที่หลากหลาย การเปลี่ยนมาสูบบุหรี่ไฟฟ้าจึงทำให้การสูบของคุณสนุกสนานมากขึ้น โดยการเลือกใช้บุหรี่ไฟฟ้าก็จะแตกต่างกันไปตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน บางคนชอบรสชาติเย็นๆ บางคนชอบรสชาติหวานๆ บางคนชอบความรู้สึกที่เหมือนสูบบุหรี่จริง แต่ในการตัดสินใจเลือกซื้อบุหรี่ไฟฟ้านั้น นอกจากรูปแบบของเครื่อง และรสชาติแล้ว ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ นั้นก็คือ PG และ VG นั่นเอง
บุหรี่ไฟฟ้ามีส่วนผสมอะไรบ้าง?
บุหรี่ไฟฟ้าที่มีวางขายในตลาดจะมีส่วนผสมที่เหมือนกันอยู่ 5 ชนิด ได้แก่
- นิโคติน
- โพรไพลีนไกลคอล (PG)
- กลีเซอรีน (VG)
- สารแต่งกลิ่นและรสชาติ
- น้ำ
PG คืออะไร?
PG หรือ propylene glycol เป็นสารที่ไม่เป็นพิษต่อร่างกาย โดยเราจะสามารถพบ PG ได้ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว เช่น ยาสีฟัน อาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม แชมพู และยาบางชนิด เป็นสิ่งที่ช่วยการันตีได้ว่า propylene glycol นั้นปลอดภัยต่อร่างกายจริงๆ
VG คืออะไร?
VG ย่อมาจาก Vegetable Glycerin หรือ กลีเซอรีนจากพืช นั่นเอง เป็นสารที่ได้จากธรรมชาติ โดยการสกัดจากน้ำมันพืช จึงมั่นใจได้เลยว่าปลอดภัยต่อร่างกายแน่นอน เช่นเดียวกับ PG เราสามารถพบ VG ได้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น เครื่องสำอาง น้ำหอมระงับกลิ่นกาย มอยเจอร์ไรเซอร์ สบู่ ยาสีฟัน แคปซูลยา รวมถึงแม้แต่อาหารสัตว์
อ้างอิงจาก https://relxnow.com/blogs/vape-knowledge/what-are-vg-and-pg
PG และ VG ทำหน้าที่อะไร?
ทั้งสองตัวนี้ เป็นสารที่ไม่มีสีไม่มีกลิ่น นำมาผสมกับ นิโคติน และสารแต่งกลิ่น ได้ออกมาเป้นน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าที่เราสูบกัน โดยทำหน้าที่ผลิตควันเมื่อได้รับความร้อนจากตัวเครื่องบุหรี่ไฟฟ้า แต่สารทั้ง 2 ชนิดนี้ทำหน้าที่ต่างกันเล้กน้อย คือ
– PG จะมีความหนืดน้อยกว่า VG ให้ความรู้สึกที่เหมือนกับการสูบบุหรี่ธรรมดา หรือที่เรียกว่า Hit Throat และให้รสชาติที่ดีกว่า แต่น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าที่มีส่วนผสมของ PG สูงก็มีข้อเสีย คือ ผู้สูบบางคนอาจมีอาการแพ้ เช่น ระคายเคืองคอ มีผื่นขึ้นตามผิวหนัง หากพบอาการแพ้ดังกล่าวควรไปพบแพทยืทันที
– VG จะให้ความรู้สึกในการสูบที่แน่น ควันเยอะ และหนา มีความเข้มข้นมากกว่า PG ให้ Hit Throat ที่นุ่มนวลกว่า และรสชาติหวานเล็กน้อย ซึ่งอาจทำให้เราไม่ได้รับรสชาติที่แท้จริงของน้ำยา
PG vs VG
PG |
คุณสมบัติ | VG |
น้อย |
ความหนาแน่นของควัน |
มาก |
มาก |
ความเข้มข้นรสชาติ |
น้อย |
มาก | การตีคอ (throat hit) |
น้อย |
น้อย | ความหวาน |
มาก |
อ้างอิงจาก https://sydneyvapeco.com.au/blogs/news/pg-vs-vg
ควรเลือกอัตราส่วน PG VG อย่างไร?
หากคุณสังเกตบนกล่องของน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า คุณจะเห็นตัวเลขที่เป็นอัตราส่วน 60/40 หรือ 30/70 นั่นคือตัวเลขอัตราส่วนของ PG/VG ที่ผสมอยู่ในน้ำยานั่นเอง โดยอัตราส่วนเหล่านี้ส่งผลต่อประสบการณ์การสูบบุหรี่ไฟฟ้าอย่างมาก โดยผู้ใช้ที่มีความรู้จะเลือกใช้บุหรี่ไฟฟ้าจากอัตราส่วนนี้เพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่าง เช่น
- หากต้องการให้สูบแล้วกระแทกคอหนักๆ รสชาติดี กลิ่นชัด ควรเลือกน้ำยาที่มีส่วนผสมของ PG สูง
- หากต้องการการสูบที่นุ่มนวล รู้สึกแน่นเมื่อสูบเข้าไป ให้ควันปริมาณมาก ควรเลือกน้ำยาที่มีส่วนผสมของ VG สูงกว่า แต่ก็จะได้รสชาติที่อ่อนกว่า
- หากต้องการให้สูบแล้วมีควันน้อย เพื่อใช้สูบในที่สาธารณะ ควรเลือกน้ำยาที่มีส่วนผสมของ PG สูง
สรุป
สารทั้ง 2 ชนิด PG และ VG เป็นสารที่ได้จากธรรมชาติ ไม่มีอันตรายใดๆ ต่อร่างกาย ถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ครัวเรือนทั่วไปอยู่แล้ว โดยสารทั้ง 2 นี้ทำหน้าที่ต่างกันเล็กน้อย PG จะให้ความรู้สึกกระแทกคอ เหมือนกับการสูบบุหรี่ธรรมดา มีรสชาติที่ดีกว่า กลิ่นชัดเจนกว่า แต่มีโอกาสที่จะทำให้เกิดอาการแพ้ได้ ส่วน VG ให้ความรู้สึกในการสูบที่นุ่มนวลกว่า แน่นกว่า ให้ควันที่เยอะกว่า แต่รสชาติจะไม่ชัดเจนเท่ากับ PG รู้แบบนี้แล้วซื้อน้ำยาครั้งต่อไปอย่าลืมอัตราส่วน PG/VG ให้เหมาะกับสไตลืการสูบที่ต้องการกันด้วยละ
อ่านต่อ: